26 ธ.ค. 2548

ช้าง ช้าง ช้าง ...



วันนี้ตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะช้างที่ปลูกไว้บางช่อเริ่มทะยอยบานแล้ว หลังจากที่เล็งๆ ดอกตูมมาหลายวัน บานเป็นครั้งแรกของต้นเพราะปลูกเมื่อต้นยังเล็กๆ ปลูกติดกับขอนไม้แบบธรรมชาติ มีหลายๆ ต้นรวมกัน พูดแล้วก็ออกจะน่าอายหากจะบอกว่า ช้างเหล่านี้เป็นไม้ป่าที่ชาวบ้านเก็บจากป่ามาขาย ผ่านแม่ค้าหน้าร้านอีกที ทุกครั้งที่ชื่นชมเจ้าช้างพวกนี้โตวันโตคืน ก็ต้องทำใจลืมๆ ถึงความเป็นมา เพราะกิเลสหนา ต้องการครอบครองเป็นเจ้าของ ทำให้อดไม่ได้ ที่จะทำสิ่งที่ไม่สมควร เฮ้อ! เรียกว่าเป็นความรักที่เห็นแก่ตัวจริงๆ เนอะ และฉันก็ยังเป็นอย่างนั้น ยังมีความรักความหลงในกล้วยไม้แบบเห็นแก่ตัว แต่ยังให้อภัยกับตัวเองในเรื่องนี้...


ขอสลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปสักพักเถอะนะ เวลานี้ขอแค่ซึมซับเอาความสุขใจ ในเมื่อช้างพวกนี้กำลังเติบโตและงดงามในความรู้สึก เกือบทุกต้นในขอนกำลังแทงช่อดอก บอกถึงความสมบูรณ์อย่างต้นไม้พึงมี ความรู้สึกของคนปลูกกล้วยไม้ก็คงเข้าใจถึงความรู้สึกนี้ บางต้นทั้งใบและต้นก็ไม่ได้สวย เวลาปลูกนั้นโตช้า บางทีนิ่งเสียจนเหมือนต้นไม้ปลอม หรือจำศีลอยู่ กล้วยไม้ไทยส่วนใหญ่ออกดอกและบานปีละครั้ง บางทีก็ต้องลุ้น ตรงนี้มังที่เป็นความตื่นเต้นท้าทายสำหรับผู้มีใจรัก เพราะออกดอกทีสวยแบบน่าอัศจรรย์ ทั้งรูปร่างและสีสัน และความน่ารัก ช่อดอกของช้างกลุ่มนี้อาจจะไม่เรียกว่าสวยในแบบมาตรฐานที่เขาว่ากัน ดอกไม่แน่น ช่อดอกไม่ยาว สีสันไม่เข้มข้น แต่เพราะว่าเราปลูก ดูแล เห็นมันเติบโตทีละน้อยจนผลิดอกบานเป็นครั้งแรก จึงภูมิใจนักหนา หากลืมความขมขื่นในเรื่องที่มาที่ไปเสียวันนี้ขอบอกว่าสุขใจอย่างบอกไม่ถูก

15 ธ.ค. 2548

โต๊ะจีนสุนัข

เมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมา พีอั๋นพี่แอนฉลองเปิดร้านเกี่ยวกับสุนัขตามประสาคนรักสุนัข มีการจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนสุนัข ก็ดูน่าสนุกตื่นเต้นดี เพราะยังไม่เคยเห็นมาก่อน หมูหยอง ย่าหยา ช้าง และสิงโตของเราก็มีโอกาสไปร่วมงานกับเขาด้วย เก็บภาพบรรยากาศงานมาไว้ดู

ก่อนเข้างานสุนัขทุกตัวก็จะได้รับชุดจีนแถมยังมีช่างแต่งตัวให้ด้วย เจ้าช้างของเรากำลังแต่งตัว


เริ่มหาที่จับจองแสดงความเป็นเจ้าถิ่น


นั่งบนตักอุ่นใจกว่า


ตื่นเต้นนิดหน่อย


ตื่นเต้นมากต้องปลดปล่อย


หล่อกว่าเพื่อน เพราะมีรองเท้าด้วย


รอคอยเวลาสำคัญ


เมื่อไหร่จะได้นั่งโต๊ะหนอ


บรรยากาศบนเวที


อาหารบนโต๊ะ ขอบอกว่าคนไม่มีสิทธิ์ ได้แต่ยืนกลืนน้ำลาย วันนี้ไม่ใช่วันของเรา


เห็นแล้วหิว


น้ำลายหยดเลยเรา


หมูหยองกะย่าหยาก็รอคอยกับเขาด้วย


ได้เวลาแล้วพรรคพวก


นานๆ มีโอกาสที ขอหนำใจเสียหน่อย


สมใจแล้วเรา แหมปากมันแผล็บ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย


โหสภาพ


สงสัยจะมาไม่ทันแล้วเรา

9 ธ.ค. 2548

อารมณ์ใบไม้


หัวใจแนบ พลูใบสวย

เช้านี้ยืนอยู่ที่ใต้ต้นปีบ ลมหนาวพัดมาวูบ ใบของต้นปีบค่อยๆ ร่วงหล่นมาทีละสองสามใบ แหงนมองขึ้นไปเห็นบางกิ่งนั้นไร้ใบแล้ว ดูแล้วใจหายสะท้อนอารมณ์เศร้าๆ ของตัวเอง แล้วก็นึกไปว่าจริงๆ แล้วใบไม้มีผลต่อความรู้สึกเมื่อเรามอง ไม้ใบไม่เน้นที่ดอก อาจจะไม่มีดอกหรือมีแต่เราไม่เห็น แต่ให้ความรู้สึกสวยงามและมีศิลปะที่ใบ ในบางเวลาเราอาจจะชอบความรู้สึกที่ตรงนี้ ความงามของไม้ใบให้ความรู้สึกเรียบง่าย แต่มั่นคง ไม่หวือหวาเมื่อคราวสีสันของดอกมาเยือน แต่ไม่ไร้ชีวิตชีวาตอนไม่มีสีสัน


ยอดอ่อนของพวงชมพู

สีเขียวเป็นมัน ของยอดใบอ่อนให้ความรู้สึกที่มีพลัง รู้สึกถึงการเกิดชีวิตใหม่ และพร้อมที่จะโตต่อๆ ไป ทุกๆ ครั้งที่ใบแก่ร่วงโรยรา หรือเกิดปัญหาใบไม้ร่วงโกร๋น เมื่อเห็นยอดอ่อนของใบผลิใหม่นั้นมีความหมายที่สำคัญ กับจิตใจ ให้ความรู้สึกถึงสิ่งที่ดีใหม่ๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับเรา


ดอกตูมแรกผลิและยอดใบอ่อน ให้ความรู้สึกถึงความสมบูรณ์ที่สมดุล ทั้งใบและดอก

ผักชีต้นอ่อนๆ ที่กำลังขึ้นเป็นกระจุก ให้ความรู้สึกถึงคุณค่าสิ่งที่สร้างด้วยมือ นึกถึงผักชีในท้องตลาดมากมายและไม่ได้มีราคาแพง แต่ผักชีเป็นกำเป็นเข่ง ก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบว่ามีคุณค่าเท่ากับผักชีที่ปลูกเองและงอกงามผลิใบ

6 ธ.ค. 2548

รอยยิ้ม



เคยได้ยินอยู่เสมอว่า "ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกดีได้เสมอ" ก็คิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้น เพราะพอเห็นใครยิ้มก็รู้สึกดี แต่ไม่น่าเชื่อว่ารอยยิ้มมีผลต่อความรู้สึกมากจริงๆ เพราะเพียงแค่มองภาพนี้ก็เกิดความรู้สึกดีดีได้ตั้งมากมาย นี่ขนาดตุ๊กตาปั้นหน้ายิ้มยังรู้สึกดีขนาดนี้ แล้วคนยิ้มให้กันจะรู้สึกดีขนาดไหน

เที่ยวสวนหลวงร.๙ เมื่อถึงเดือนธันวา.


ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีงาน "พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวงร.๙" เวลาไปเดินจะได้ชมบรรยากาศสีสันของดอกไม้เมืองหนาว แต่ปีนี้อากาศยังไม่ค่อยหนาวแฮะ แถมวันไปเดินอากาศร้อนแดดเปรี้ยง แต่ก็ยังอุตสาหะชื่มชมกับบรรยากาศต่อไป

เข้าไปปุ๊บก็เจอกลุ่มดาวเรืองฝรั่งเศส


ต้นไม้ปลูกเป็นกลุ่มๆ และทำเป็นรูปทรงต่างๆ


กะหล่ำประดับไม่เห็นมีสีเลย สงสัยเพราะอากาศไม่เย็น


ปลูกยาวเป็นทิวแถว


ร้อนๆ เจอน้ำพอชื่นใจ


วันนี้มีขบวนพาเหรดด้วย


ตรงสวนฝรั่งเศสมีหมู่บ้านจำลองชาวมอแกน


มีเรือใบ


กับกระท่อมเป็นสัญลักษณ์สำคัญ


อีกมุมที่ชอบคือพยับหมอกปลูกเป็นพุ่มทิวแถว

15 พ.ย. 2548

มาลีเจ้าโรยรา...หรือใจเรานั้นอ่อนล้า


ร่วงแล้วฤๅไหวใจจะต้าน
ดอกไม้บานแล้วโรยร่วงสะเทือนไหว
เปรียบดั่งสุขวันข้ามคืนมาห่างหาย
ลับลับไปใจหวิวไม่หวนมา
.....
ชีวีมนุษย์ดุจวิถีของดอกไม้
ความสดใสร่วงลาไปบานอีกครั้ง
ใจของเราสร้างพลังดังไม้ใหญ่
หักหัวใจ หักอาลัย มาลัยรา
แล้วเวลาคงพาดอกไม้มาเบิกบาน
......
ในวันที่อ่อนล้า

11 พ.ย. 2548

แบบสวน..ในแบบเรา

พอเริ่มคิดว่าอยากลองทำงานจัดสวนดู เราต้องทำอะไรเป็นบ้าง ลองคิดๆ ดูก็ได้ว่า
*ข้อที่หนึ่ง เรื่องหลักๆ ก็คงเป็นความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ และพันธุ์ไม้ รู้ว่าชื่ออะไร เป็นไม้ประเภทไหน หน้าตาอย่างไร และนิสัยอย่างไรเพื่อที่จะวางจุดปลูกต้นไม้ได้ถูกต้อง เรื่องนี้คงผ่านไม่มีปัญหา พร้อมกันนั้นก็เตรียมเป็นภาพถ่ายไว้ประกอบ เผื่อใครอยากดูว่าต้นไหนหน้าตาเป็นอย่างไร ยังไม่พอทำเว็บไซต์ morninggarden เป็นแบบ offline เพื่อให้ง่ายต่อการใช้และค้นหาพรรณไม้ต่างๆ เป็นอันว่าข้อนี้ผ่านเราทำได้
*ข้อที่สอง ความรู้ทางด้านภูมิทัศน์และองค์ประกอบต่างๆ ของการจัดสวน ข้อนี้ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ในขั้นต้นที่ทำได้ก็คือตำรา และหนังสือต่างๆ เกี่ยวกับการจัดสวน ตั้งเป็นภูเขา เปิดอยู่เรื่อยๆ ให้ซึมซับเอาความรู้และเกิดจินตนาการ และอีกวิธีก็คือการถาม ถามจากผู้รู้ ถามทอดต่อไปเรื่อยๆ จนได้ความมั่นใจพอประมาณ สามสี่งานผ่านไปเริ่มหายประหม่า กระหายที่จะเป็นมืออาชีพ และมาถึงข้อต่อไปนี่สิ
*ข้อที่สาม สามสี่งานที่ผ่านมายังพอเอาตัวรอดไปได้ ด้วยการบอกรูปแบบที่จะจัดด้วยปากเปล่า การชี้รูปแบบจากหนังสือ แต่ไม่ได้การละ การจะจัดสวนเป็นมืออาชีพนั้น เราต้องสามารถวางแผนล่วงหน้า สามารถกำหนดรูปแบบสวนขึ้นมาได้เหมือนจำลองจากของจริง เจ้าของสวนสามารถจินตนาการได้ว่าหน้าตาของสวนจะออกมาเป็นอย่างไร มีอะไรอยู่ตรงไหน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เราต้องวาดแบบสวนได้ ความรู้ทางศิลปะและการวาดภาพไม่มีแม้แต่หางอึ่ง นอกจากนี้แล้วเซ้นส์ทางศิลปะต่ำจนขั้นลบ แถมทักษะการดูสเกลและแผนผังนั้นอยู่ในขั้นเลวร้าย แต่ทำไงได้รักจะจับทางนี้ ก็ต้องทำให้ได้ พยายามหาทางให้ตัวเอง สะเปะสะปะอยู่พักใหญ่ พอจะรู้มาว่าเดี๋ยวนี้มีโปรแกรมจัดสวนสำเร็จรูปอยู่มากมาย แบบว่าเราไม่ต้องใช้กำลังภายในและวิทยายุทธ์มากนัก แต่ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดไปเลยสำหรับเรา เพราะโปรแกรมสำหรับมืออาชีพทั้งหลายแหล่ที่ว่านั้นใช้ได้กับ OS อื่นเท่านั้นที่ไม่ใช่ Opensource Software แต่เราใช้ OS ที่เป็น Opensource Software อยู่ เราก็ควรที่จะต้องหาวิธีว่าเราจะทำงานของเราให้ได้ตามแบบองค์ประกอบของเราที่มีอยู่ นี่ก็เป็นปัญหาล่ะสิ เพราะยังหาโปรแกรมที่ช่วยออกแบบจัดสวนที่ใช้กับ Opensource Software ไม่ได้ ไม่รู้จะทำไงได้ ก็ได้มาลงตัวที่โปรแกรม drawing ที่มีอยู่ใน openoffice ก็เหมือนกับมีกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอแล้ววาดด้วยมือ เพียงแต่เปลี่ยนจากหน้ากระดาษเป็นหน้าจอ เปลี่ยนดินสอมาเป็นเม้าส์ ทำไปทำมาฉันก็ได้แบบรูปร่างหน้าตาของแบบสวนมาดังนี้


(คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)


(ตัดมาจากบางมุม)

ฉันคิดว่าฉันทำได้มากที่สุดในตอนนี้ก็เท่านี้ แต่หากถามว่าฉันพอใจมั๊ย ก็คิดว่าฉันภูมิใจในสิ่งที่ฉันทำมันมากับมือมากกว่า มันไม่ได้ดูสวยดูเป็นมาตรฐาน อย่างโปรแกรมจัดสวนที่สามารถสร้างออกมาได้ดูดีและสมเป็นมืออาชีพ แต่ทางเลือกฉันมีไม่มากนัก ฉันจึงควรภูมิใจกับมัน เพราะอย่างน้อยแบบสวนแบบแรกของฉันนี้ก็ได้ผ่านการนำเสนอกับเจ้าของสวน โดยที่ทั้งฉันและเจ้าของสวนก็เข้าใจตรงกันเป็นอย่างดี เขาไม่ได้ทำหน้าตางงและสงสัยกับแบบตัวนี้ และแถมยังตอบรับอย่างเต็มใจที่จะตกลงทำ
แต่คิดอีกทีฉันเองก็ยังไม่มั่นใจมากนัก ว่าคนอื่นดูแล้วจะรู้ว่านี้คือแบบสวนหรือเปล่า ฉันลองทดสอบด้วยการให้เพื่อนร่วมงานดูและถามว่ามันเหมือนแบบสวนมั๊ย สำหรับเพื่อนบางคนที่ใช้ Opensource Software อยู่แล้วก็จะบอกว่าทำได้เท่านี้ก็ดีแล้วนะ แต่บางคนที่ใช้ OS อื่นด้วยก็จะบอกว่า จะพยายามวาดเส้นให้เหนื่อยทำไม โปรแกรมออกแบบสวนมีมากมากมายที่ทำออกมาแล้วดูดีมีมาตรฐาน ทำให้เราดูเป็นมืออาชีพทำไมไม่ใช้ ฉันก็ได้แต่ตอบว่า "เปล่าหรอก ก็เพียงแต่ตั้งใจว่าอยากสามารถใช้งานบน Opensource ได้" เขาก็บอกกันว่า "โธ่ใครเขาจะมารับรู้ตรงนี้ ถ้าหน้าตาดูไม่มาตรฐานเขาก็จะคิดว่าเราไม่โปรเสียอีก ทำมาค้าขายนะ จะมานั่งเอาตัวเองเป็นหลักได้ไง" ฉันก็เข้าใจในความหวังดี แต่ก็ยังอดดื้อดึงดันไม่ได้โดยบอกกับตัวเองว่า "เอาน่ะ ฉันคงจะพยายามทำให้มันดูดียิ่งๆ ขึ้นไป โดยใช้แบบของฉันนี้เป็นตัวเริ่มต้นการพัฒนาต่อๆ ไป" คงพอไปไหวหรอกเนอะ มันน่าจะสำคัญที่ใจว่ารักจะสู้หรือไม่แหละ เฮ่อ! เดินต่อไปเถอะเรา

23 ต.ค. 2548

ดอกไม้ริมทาง ในวันที่รู้สึกอบอุ่นสบาย



วันนี้ตื่นเช้ามารู้สึกสัมผัสกับสายลมหนาว รู้สึกอบอุ่นสบายภายใต้ผ้าห่มอย่างบอกไม่ถูก หรือเป็นเพราะมีความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในใจ อากาศดีๆ อย่างนี้ชวนให้นึกอยากออกไปเดินเล่นรับเอาอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ที่โล่งๆ หลังบ้านที่ไร้สิ่งปลูกสร้างนอกจากบ้านผู้คนที่อยู่ห่างออกไปดูจะเหมาะที่สุด พอคิดจะไปที่ไรก็ไม่ลืมนึกถึงดอกไม้ริมทาง นานแล้วที่ไม่ได้เดินเอ้อระเหยชมความน่ารักของดอกไม้เล็กๆ ที่เบิกบานตามธรรมชาติเลย



เพิ่งสังเกตว่าช่วงนี้ดอกข้าวสารกำลังบานสะพรั่ง เมื่อปีก่อนเห็นร่ำๆ จะถ่ายภาพเก็บไว้ ผลัดไปผลัดมาดอกหายหมดแล้ว ปีนี้ได้โอกาสเสียที ชอบสีขาวของดอกข้าวสารมากๆ เพราะสีขาวตุ่่นๆ นวลๆ เหมือนสีงาช้างหรือสีของข้าวสารข้าวเหนียว เวลาช่วงออกดอกจะเห็นข้าวสารบานสะพรั่งไปหมด ต้นจะทอดเลื้อยไปตามต้นต่างๆ เลยดูเหมือนทุกต้นจะมีดอกสีขาว



ผักเสี้ยนสีม่วง เป็นดอกไม้ริมทางที่น่ารัก ไปที่ไหนก็เจอ เคยได้ยินคนที่ชอบถ่ายรูปดอกไม้พูดกันว่า ดอกผักเสี้ยนสีม่วงเนี่ยเป็นโจทย์ที่ดีของคนที่จะหัดถ่ายภาพ เพราะสีเขาสวย หน้าตาน่ารัก และที่สำคัญเป็นดอกเล็ก หากถ่ายให้ชัดและสวยได้ ถือว่าฝีมือพอไปวัดไปวา ฉันก็อยากจะหัดเหมือนกัน แต่ความขี้เกียจถึงเวลาก็ถ่ายเอาตามความเคยชินเดิมๆ


ทุกครั้งที่ไปเดินจะต้องแวะชมทุ่งดอกบาหยาเสมอ ชอบในสีสันและความน่ารัก จำได้ว่าเพราะความน่ารักของดอกบาหยาที่เห็นในครั้งแรกทำให้หันมามองดอกไม้ริมทาง เคยคิดจะเอากลับไปปลูกที่บ้าน แต่สุดท้ายก็คิดได้ว่าในเมื่อวันไหนๆ เราก็เดินมาชมทุ่งดอกบาหยาได้ และเราเอาไปปลูกอย่างไรก็ไม่สวยเท่าที่ขึ้นตามธรรมชาตินี้ เลยตัดใจไม่คิดจะครอบครอง และแวะชมทุกครั้งที่เดินผ่าน


แปลกนะ! หญ้าตีนตุ๊กแกเป็นต้นที่พบเห็นอยู่ทั่วไป ดูดาดดื่นจนไร้ค่า แต่ในบางเวลาที่เราอยากพิจารณาความดาดดื่นนี้ด้วยความใส่ใจเป็นพิเศษ จะเห็นความงามความน่ารักที่เราชอบมองข้าม และหากมองให้เห็นถึงความงามในวิถีธรรมชาติ จะเห็นว่าตีนตุ๊กแกเป็นต้นที่ผีเสื้อให้ความสนใจเป็นพิเศษ ฉันสังเกตหลายทีจะเห็นผีเสื้อหลายๆ ตัวเฝ้าบินวนตอมดอกนั้นดอกนี้ ทำให้ดูมีชิตชีวาอยู่มาก


อีกหนึ่งความน่ารักคือกระดุมทองเลื้อย ฉันชอบสีเขียมเข้มเป็นมันของใบตัดกับสีสดใสของดอก หากสังเกตจะเห็นว่าตามริมคลองต่างๆ ที่ขุดเพื่อจัดแต่งเป็นสวนน้ำ จะมีการปลูกต้นกระดุมทองเลื้อยคลุมไปรอบริมตลิ่ง ทั้งนี้เพื่อยึดหน้าดินไม่ให้พังทลายลง นอกจากนี้กระดุมทองเลื้อยก็พบได้อยู่ทั่วไป เพราะต้นกระจายพันธุ์เร็วมาก ดูรวมๆ แล้วสวยเขียวสดชื่น


ปกติไม่ใช่คนที่ชอบสีม่วง แต่กลับรู้สึกว่าสีม่วงของดอกไม้นั้นสวย นอกจากม่วงเข้มของช้องนาง ม่วงเข้มของอัญชัญก็สวยมากในความรู้สึก ที่ทุ่งโลกหลังบ้านนี้มีม่วงเข้มของอัญชัญบานสะพรั่งอยู่ทั่ว เคยสงสัยว่าดอกไม้บางชนิดที่บานอยู่ตลอดปีออกดอกอย่างไรหนอ เดินผ่านต้นอัญชัญทีไรถึงเห็นม่วงเข้มของดอกบานอยู่เต็มต้นทุกครั้ง



เก็บบันทึกดอกไม้ริมทางน่ารักดอกสุดท้าย "เถาสะอึก" ดอกไม้ป่าริมทางเป็นเถาเลื้อยสีเหลือง ยามบานสะพรั่งน่ารักอย่าบอกใคร เห็นเถาสะอึกแบบนี้เกิดคำถามกับตัวเอง ว่าทำไมแต่ก่อนไม่เคยเห็นเถาสะอึก ทั้งที่เดี๋ยวนี้เห็นเถาสะอึกตามข้างทางทั่วไปอยู่บ่อยๆ ? คำตอบคงไม่พ้นว่าเพราะแต่ก่อนไม่เคยสังเกต ถึงตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าดีจังเลยที่ได้รู้จักความน่ารักของเถาสะอึก

20 ต.ค. 2548

ตามหานามกล้วยไม้

ไปเจอข้อมูลมาว่ามีหนังสือกล้วยไม้เมืองไทยชื่อ "A FIELD GUIDE TO THE Wild Orchids of Thailand" ฉบับ Fourth and Expanded Edition ของผู้แต่ง Nantiya Vaddhanaphuti เห็นว่ามีข้อมูลชนิดพันธุ์อยู่มาก อาการอยากเห็นกำเริบอีก ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ดีใจคือว่าพอไม่ได้หมกมุ่นกับเรื่องของต้นไม้ก็คิดว่าสงสัยเราชักจะไกลธรรมชาติซะละ แต่พออาการกำเริบเลยโล่งใจว่ายังมีใจรักอยู่เหมือนเดิม ส่วนเสียใจคือว่าสงสัยได้เสียเงินอีกละ ซึ่งก็แน่ล่ะ ตามหามาจนได้ ถึงจะไม่มีเวลาแต่โลกของเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้เราเยอะ หาชื่อหนังสือก็ในคอมพิวเตอร์ สั่งซื้อก็ในนั้น สองสามวันก็ได้มาจากศูนย์หนังสือจุฬาฯ มาส่งถึงที่ ราคาพอประมาณ พอได้มาเปิดๆ ดู ก็มีหลายร้อยชนิดให้ดูให้ไม่ต้องเสียดายเงินในกระเป๋านัก ลองเทียบๆ ดู อยู่นานสองนาน เพราะบางทีก็เทียบลำบากหากไม่เห็นต้นใบชัดเจนจริงๆ บางทีภาพของเราก็ไม่ชัด บางทีรายละเอียดภาพในหนังสือก็ไม่ครบในส่วนของต้นใบ แต่ก็ช่วยได้มากจากหลายๆ ชนิดที่มีอยู่ในหนังสือ แต่ก็ยังไม่มั่นใจนักว่าตัวเองเทียบถูกต้อง เพราะนอกจากจะพิการสายตาทางสีแล้ว ยังตาถั่วอยู่บ่อยๆ ด้วย พอเทียบๆ เสร็จก็เลยเอามารวบรวมไว้ก่อนซะเลยว่าชุดนี้นะจะต้องทำข้อมูลสรุปอีกที


ดอกนี้ก่อนหน้านี้ทราบจากคนขายมาว่าชื่อ "ช้างพราหมณ์" นำมาเลี้ยงจนออกดอก ข้อมูลในหนังสือไม่มีชื่อไทย แถมมีภาพดอกที่ใกล้เคียงกันด้วย จึงยังไม่ฟันธงนักว่าจะใช่ชนิดเดียวกัน ในหนังสือมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
"Pholidota bracteata (D. Don) Seidenf."


ดอกนี้ก็ฝีมือการปลูกของตัวเอง รู้มาจากคนขายว่าชื่อ "เพชรพระอินทร์" ในหนังสือมีชื่อวิทยาศาสตร์ แต่ยังไม่มีชื่อไทย ไปโพสต์ถามที่ห้องกล้วยไม้พันทิพย์ก็มีผู้รู้ใจดีช่วยบอกมาว่าชื่อ "เพชรพระอินทร์ลาว" เอาล่ะสิชักอยากเห็นของไทยมั่งละ เก็บความสงสัยไว้ก่อน ค่อยตามหาต่อไป ชื่อวิทยาศาสตร์เขาคือ "Trias disciflora (Rolfe) Rolfe" เห็นชื่อแล้วก็นึกได้ว่ามีกล้วยไม้ที่มีลักษณะดอกเป็นสามเหลี่ยมตามกลีบดอกสามกลีบอยู่เยอะเหมือนกัน ที่เป็นตระกูลเดียวกัน


ได้ข้อมูลมาครั้งแรกเลยบอกว่าต้นนี้ชื่อ "สิงโตขาเขียด" ดูไปก็คล้ายๆ เนอะ ขายาวเรียวผอมๆ แต่ไปเจอข้อมูลบางที่เขาเรียกว่า "สิงโตดาว" ดูไปก็คล้ายอีกนั่นแหละ ในหนังสือมีแต่ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "Bulbophyllum laxiflorum (Blume) Lindl." ต้นนี้ใจดีและน่ารักออกดอกอยู่เสมอ ต้นเล็กๆ ดอกเล็กๆ


ต้นนี้ข้อมูลคงไม่พลาด "ข้าวตอกปราจีณ" ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "Dendrobium oligophyllum Gagnep." แต่สงสัยว่าชื่อเนี่ยจะ "น" หรือ "ณ" หนอ เพราะก่อนหน้านั้นตัวเองสะกดชื่อว่า "ข้าวตอกปราจีน" คงนึกถึงแต่ปราจีนบุรี คงต้องหาคำตอบต่อไป ชื่อข้าวตอกก็สมกับเป็นข้าวตอกจริงๆ ต้นเล็กๆ ออกดอกเยอะยังกะยุงชุม


ต้นนี้ตอนมาถามคนขาย เขาบอกว่าชื่อ "ข้าวตอกมาเล" ดอกดูคล้ายข้าวตอกปราจีน แต่ต้นใหญ่กว่า ในหนังสือไม่มีชื่อไทย แต่ดูแล้วคล้ายที่สุด และเดาเอาว่าจากชื่อที่คนขาย (ที่เราพอจะเชื่อได้) บอก ถิ่นของขาก็น่าจะมาจากทางใต้ ในหนังสือดอกที่คล้ายต้นนี้ก็บอกว่ามีถิ่นที่พบอยู่ทางใต้ คงใช่แหละมัง หากใช่ชนิดเดียวกันชื่อวิทยาศาสตร์ก็คือ "Dendrobium trinervium Ridl."


ต้นนี้ปลูกเองคงเป็นสิงโตสักตัว แต่ไม่รู้ตัวไหน ดูเหมือนสิงโตรวงข้าว เทียบในหนังสือจนตาลายเพราะที่คล้ายกันก็มี มีตัวหนึ่งที่ใกล้เคียง ถ้าใช่ตัวเดียวกันก็มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "Bulbophyllum crassipes Hk. f." ส่วนชื่อไทยยังจนใจ


ดอกนี้เล็กๆ น่ารัก เก็บภาพมาจากตอนไปเดินป่าที่เขาใหญ่ กล้วยไม้ดอกเล็กๆ แนวนี้มีเยอะมาก แยกความต่างลำบาก ในหนังสือที่ใกล้เคียงสุดเห็นจะเป็นชื่อ "Malleola dentifera J.J. Sm."


ต้นนี้ยังไม่รู้ชื่อไทย ในหนังสือรุปลักษณ์ที่ตรงที่สุดก็มีแต่ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า "Eria concolor Par. & Rchb. f." ชอบสีของเขามาก เห็นดอกเล็กๆ แบบนี้บานอยู่หลายวันเหมือนกัน
ยังเหลือในกรุอยู่อีกบ้างที่ต้องหาข้อมูล แต่พักยกไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน